




โรงเรียนวัดวังหว้าตั้งอยู่เลขที่ – หมู่ที่ ๒ ตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง รหัสไปรษณีย์ ๒๑๑๑๐ โทรศัพท์ ๐-๓๘๖๗-๒๕๓๐ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต ๒ เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับประถมศึกษาปีที่ ๖ มีเนื้อที่ ๘ ไร่ ๓ งาน เป็นที่ดินของวัดวังหว้า
แต่เดิมนั้นการศึกษาเล่าเรียนมิได้มีการบังคับผู้ใดสนใจจะศึกษาเล่าเรียนต้องฝากตัวเป็นศิษย์พระคอยปรนนิบัติรับใช้อาศัยขีดเขียนในเวลาว่างจนถึง พ.ศ. ๒๔๖๕เป็นปีที่ประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษาแห่งชาติ บังคับให้เด็กทุกคนต้องเข้าเรียน เมื่ออายุครบ ๘ปี
ในปี พ.ศ. ๒๔๗๐ทางราชการได้กำหนดเปิดสอน เป็นโรงเรียนประชาบาลขึ้นที่วัดวังหว้าเป็นแห่งแรกของอำเภอแกลงและเป็นแห่งที่ ๖ของจังหวัดระยอง โดยมีนายเชษฎ์ อยู่เย็น เป็นครูใหญ่โดยอาศัยศาลาวัดและศาลาหน้าอุโบสถเป็นสถานที่เรียน โดยมีนักเรียนจากหลายหมู่บ้านเดินทางมาศึกษาเล่าเรียน เช่น หมู่บ้านเนินฆ้อ เนินทราย พลงช้างเผือก ทะเลน้อย หนองน้ำขุ่นและหมู่บ้านวังหิน โดยมีนายเก็บ บุญส่ง ปัจจุบันอายุ ๙๐ปีเศษ (ปัจจุบันเสียชีวิต) เป็นนักเรียนหมายเลข ๑ในทะเบียนนักเรียน ต่อมามีนักเรียนมาเรียนเพิ่มขึ้นจนทำให้ศาลาวัดคับแคบจนต้องไปอาศัยเรียนตามใต้ร่มไม้
สมัยนั้นหลวงปู่คร่ำ(พระมงคลศีลาจารย์) เป็นเจ้าอาวาสวัดวังหว้าได้เห็นความเดือดร้อนของนักเรียนและครูที่ไม่มีอาคารเรียนเป็นสัดส่วน จึงได้ชักชวนชาวบ้านเข้าป่าตัดไม้และใช้เกวียนเป็นพาหนะขนไม้มาทำการเลื่อยแตกตัวตามขนาดที่ต้องการ ในขณะนั้นนายใจดี เทพานนท์ นายอำเภอแกลง พร้อมด้วยศึกษาธิการอำเภอแกลงสมัยนั้น ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจแก่คณะผู้ทำงานการเลื่อยไม้เพื่อทำการปลูกสร้างอาคารเรียนอยู่เสมอ ปี พ.ศ. ๒๔๗๗เริ่มสร้างอาคารเรียน ในที่ดินของวัดซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของวัด โดยความร่วมมือของชาวบ้านและพระในวัดทั้งทางด้านกำลังกายและกำลังทรัพย์ และได้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล เป็นเงิน ๙๐๐บาท จนแล้วเสร็จเป็นอาคารเรียนแบบ ป.๒ขนาดกว้าง ๙เมตร ยาว ๓๖เมตร เป็นอาคารถาวร ๒ชั้น ๘ห้องเรียน มีมุขหน้าทำการฉลองอาคารเรียนเมื่อปี ๒๔๘๐และได้รับพระราชทานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดลรัชกาลที่ ๘หล่อด้วยทองแดง รูปกลมแบน วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ ๔๓.๕ซม. เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ผู้นำและชาวบ้านซึ่งเป็นผู้เสียสละกำลังกายกำลังทรัพย์ ที่ได้ร่วมจัดสร้างโรงเรียนประชาบาลหลังแรกของอำเภอแกลงเป็นผลสำเร็จ ต่อมาได้จัดซื้อที่ดินของนางสั่ว แววดี ซึ่งอยู่ติดวัดสร้างโรงเรียนทางทิศตะวันออก จำนวน ๒ไร่เศษ เป็นเงิน ๑๕บาท ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุเรียบร้อยแล้ว อาคารหลังนี้ได้ใช้เป็นที่เล่าเรียนนานถึง ๓๕ปี ได้รับงบซ่อมแซม ๑ครั้งในปี พ.ศ. ๒๕๐๘เป็นจำนวนเงิน ๓๐,๐๐๐บาท ต่อมาอาคารเรียนถูกวาตภัย เนื่องจากอาคารเรียนปลูกสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง จึงชำรุดและโย้เย้ เกรงว่าจะเป็นอันตรายแก่นักเรียนได้ในปีพ.ศ. ๒๕๑๒จึงได้ทำรายงานขอรื้อถอนและของบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ โดยก่อสร้างเป็นอาคารเรียนแบบ ป.๑ขนาด ๔ห้องเรียนโดยใช้ไม้และอุปกรณ์บางส่วนจากอาคารหลังเก่า ใช้เงินสมทบจากทางราชการที่อนุมัติมาให้เป็นเงิน ๒๒,๕๐๐บาท ในที่ดิน ๒ไร่เศษของโรงเรียน แล้วเสร็จในวันที่ ๘กันยายน ๒๕๑๒นักเรียนได้ย้ายเข้าเรียน หลังจากนั้นในปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๑๓โรงเรียนได้รับเงินภาษีบำรุงท้องที่เป็นเงิน ๓,๐๐๐บาท จึงได้นำมาสร้างสุขา ๑หลัง จำนวน๓ห้อง หลังคามุงกระเบื้องพื้นคอนกรีตและได้เงินจากการจัดงานประจำปีของโรงเรียนร่วมกับวัดเป็นเงิน ๕,๐๐๐บาท นำมาสร้างโรงอาหาร ในปี พ.ศ. ๒๕๒๙จำนวนห้องเรียนมีไม่เพียงพอเนื่องจากมีการเปิดการสอนขยายชั้นเรียนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ประกอบกับอาคารเริ่มชำรุดทรุดโทรมมากขึ้น จึงทำเรื่องขออนุมัติรื้อถอนในปี พ.ศ. ๒๕๓๐กรมธนารักษ์ได้อนุมัติให้ทำการรื้อถอนอาคารเรียนได้ หลวงปู่คร่ำ (พระมงคลศีลาจารย์) พร้อมคณะกรรมการวัด คณะกรรมการศึกษาโรงเรียนวัดวังหว้า มีความเห็นว่า ที่ดิน ๒ไร่เศษ คับแคบและอยู่ในบริเวณติดกับวัด จึงเห็นสมควรให้ย้ายที่ตั้งโรงเรียนใหม่ มาอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดเป็นที่ของวัดจำนวน ๗ไร่เศษ โดยมีหลวงปู่คร่ำ (พระมงคลศีลาจารย์) ให้ความอนุเคราะห์อุปถัมภ์ ให้ทุนร่วมสมทบกับงบประมาณของทางราชการสร้างอาคารเรียนแบบสปช. ๑๐๕/๒๕๒๖ขนาด๖ห้องเรียน โดยได้งบประมาณจากทางราชการ เป็นเงิน ๗๘๐,๐๐๐บาท และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ในปีการศึกษา ๒๕๓๐ได้เปิดทำการสอนชั้นอนุบาล ๑ชั้น ทำให้อาคารเรียนไม่เพียงพอ คณะกรรมการศึกษาจึงร่วมมือกับประชาชนตำบลวังหว้าขอความอนุเคราะห์จากหลวงปู่คร่ำ (พระมงคล ศีลาจารย์) โดยได้สร้างพระบูชาเป็นรูปเหมือนหลวงปู่คร่ำ (พระมงคลศีลาจารย์) ขนาดหน้าตัก ๓นิ้ว เป็นจำนวน ๓๐๐องค์ เปิดให้ประชาชนบูชา ในราคาองค์ละ ๕๐๐บาท ซึ่งได้เงินจากการนี้ถึง ๑๕๐,๐๐๐บาท จึงนำมาต่อเติมอาคารเรียนอีก ๒ห้องเรียน สิ้นค่าก่อสร้างเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐บาท จึงแล้วเสร็จในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๓๐ และได้นิมนต์หลวงปู่คร่ำ (พระมงคลศีลาจารย์) ทำพิธีเปิดในวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๓๐ซึ่งอาคารหลังนี้มีชื่อว่า “อรัญราษฏร์อุปถัมภ์” พร้อมทั้งนำวัสดุอุปกรณ์จากอาคารเรียนหลังเก่าที่ยังใช้ได้นำมาปลูกสร้างอาคารอเนกประสงค์ แต่ยังไม่แล้วเสร็จเพราะเงินหมด หลวงปู่คร่ำ (พระมงคลศีลาจารย์) ได้ให้การอนุเคราะห์ บริจาคเงิน ๒๕,๐๐๐บาท สร้างต่อจึงแล้วเสร็จใช้เป็นโรงอาหารของโรงเรียน ซึ่งมีขนาด ๑๔ x ๑๙เมตร หลังคามุงกระเบื้องพื้นคอนกรีต
ต่อมาปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๐พนักงานบริษัทของโรงแรมโอเรียลเต็ล(กรุงเทพฯ) ได้มาทอดผ้าป่าที่วัดวังหว้าและทราบว่า โรงเรียนวัดวังหว้าเป็นโรงเรียนที่อยู่ในการอุปถัมภ์ของหลวงปู่คร่ำ (พระมงคล ศีลาจารย์) ยังขาดห้องสมุดและอุปกรณ์ต่าง ๆ จึงได้ร่วมกันบริจาค จัดหาทุนร่วมกันสร้างอาคารห้องสมุดให้โรงเรียน แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ใช้ชื่ออาคารว่า “หอสมุดโรงเรียนวัดวังหว้าโรงแรมโอเรียลเต็ลอุปถัมภ์” ทำพิธีเปิดโดย หลวงปู่คร่ำ (พระมงคลศีลาจารย์) ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗หลวงปู่คร่ำ (พระมงคลศีลาจารย์) ได้ให้ความอนุเคราะห์บริจาคเงินอีกเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารประกอบ ๑หลัง เพื่อใช้เป็นห้องผู้บริหาร ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องสหกรณ์และห้องสื่อวัสดุอุปกรณ์ โดยใช้ชื่อว่า “หลวงปู่คร่ำอุปถัมภ์” ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐โรงเรียนวัดวังหว้าได้งบซ่อมแซมอาคารจากงบปรับปรุงซ่อมแซมโรงเรียนให้เป็นปัจจุบันเป็นเงิน ๙๑,๙๑๐บาท จึงใช้ทำการเปลี่ยนพื้นเวทีของโรงอาหารใหม่และใส่กระจกช่องแสงรอบอาคารทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในปีการศึกษา ๒๕๔๔พระปลัดวิรัต อุปสันโต เจ้าอาวาสวัดวังหว้า ได้ความอนุเคราะห์ทำถนนเข้าโรงเรียนใหม่ กว้าง ๗เมตร ยาว ๗๐เมตร สิ้นงบประมาณ ๗๐,๐๐๐ บาท ในปีงบประมาณ๒๕๔๗ โรงเรียนวัดวังหว้าได้รับงบประมาณสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองโดยการสนับสนุนของ นายเสรี เจริญรื่น (สมาชิกสภาจังหวัดระยอง) เป็นจำนวนเงิน ๑,๑๐๐,๐๐๐ บาทสร้างอาคารอเนกประสงค์แบบ อบจ.ระยอง แล้วเสร็จและเปิดใช้งานเมื่อ วันที่ ๘มกราคม ๒๕๔๘ซึ่งตรงกับวันเด็กแห่งชาติ และได้มีการมอบอาคารโดย นายเสรี เจริญรื่น ในปีการศึกษา ๒๕๔๗พระปลัดวิรัต อุปสันโต เจ้าอาวาสวัดวังหว้าและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนได้ปรับปรุงระบบไฟฟ้าอาคารอเนกประสงค์หลังใหม่โดยเดินไฟฟ้าจากอาคารเรียนไปอาคารอเนกประสงค์แล้วเสร็จ ใช้เงินไปทั้งสิ้น ๒๐,๐๐๐ กว่าบาท และในปีเดียวกันโรงเรียนได้ขอรื้อถอนอาคารอเนกประสงค์ หลังเก่าได้รับอนุมัติและนำเอาวัสดุที่ใช้การได้สร้างที่ประกอบอาหารเพิ่มเติมในอาคารอเนกประสงค์หลังใหม่โดยโรงเรียน มีเงินประเดิมประมาณ ๑๘,๐๐๐บาท และได้รับความอนุเคราะห์จากพระปลัดวิรัต อุปสันโต เจ้าอาวาสวัดวังหว้าร่วมสร้างจนแล้วเสร็จสามารถประกอบอาหารได้ โดยสิ้นเงินทั้งสิ้นประมาณ ๕๐,๐๐๐บาท ในปีการศึกษา ๒๕๔๘พระปลัดวิรัต อุปสันโต เจ้าอาวาสวัดวังหว้าและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนได้ต่อเติมอาคารอเนกประสงค์ด้านข้างพร้อมทั้งจัดทำอ่างล้างหน้าที่แปรงฟันนักเรียน ได้ใช้เงินไปทั้งสิ้น ๙๐,๓๓๖บาท โดยเป็นเงินจากการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ๒๔,๒๗๑บาท มูลนิธิหลวงปู่คร่ำ ๑๕,๐๐๐บาท จากการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์วิบาก ๒๖,๐๒๒บาทเงินจากการบริจาคในการซื้อวัสดุอุปกรณ์ ๘,๕๐๐บาทและพระปลัดวิรัต อุปสันโต เจ้าอาวาสวัดวังหว้า ๑๖,๕๔๓บาท ในปี ๒๕๔๙คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมด้วยผู้ปกครองนักเรียนได้ร่วมกันย้ายโรงจอดรถที่สร้างโดยพระประเสริฐ สุวรรณโชติ เพื่อเป็นที่ซ้อมมวยไปปรับปรุงเป็นห้องสมุดประจำโรงเรียน ด้านข้างอาคารอเนกประสงค์ เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๔๙ ในปี ๒๕๕๓ได้รับจัดสรรงบประมาณจากงบแปรญัตติ จำนวน ๑,๗๐๐,๐๐๐ เพื่อสร้างอาคารเรียนแบบ สปช.๑๐๑/๒๖ จำนวน ๑ หลัง
ปัจจุบันโรงเรียนวัดวังหว้า เปิดสอนตั้งแต่ อนุบาล ๑-๒ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๖โดยมีนักเรียนทั้งสิ้น ๑๓๐ คนมีครูประจำการ ๑๐ คน องค์การบริหารส่วนตำบลวังหว้าได้ขอเปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๑ ห้องมีนักเรียน ๒๒คน
Recent Comments